นบรรดาประวัติศาสตร์กีฬาโอลิมปิก ซึ่งมีเหตุการณ์สำคัญๆ เกิดขึ้นมากมาย หนึ่งในบันทึกหน้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ งานแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน ปี 1936 ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี … งานโอลิมปิกในปีนั้นมีรัฐบาลเยอรมัน ภายใต้การนำของ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำลัทธินาซี – เป็นเจ้าภาพใหญ่ ถือเป็นงานที่จัดได้อย่างเกรียงไกรสมฐานะ เนื่องจากฮิตเลอร์ ต้องการใช้งานนี้ เป็นโฆษณาชวนเชื่อเพื่อประกาศศักดาของประเทศเยอรมนี และเป็นการเผยแพร่แนวคิดนาซีต่อสายตาชาวโลก ฮิตเลอร์ประกาศก้องว่า ชาวอารยัน (หรือเยอรมัน) นั้นยิ่งใหญ่เหนือชนชาติใดในโลก และการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกนั้นจะเป็นเวทีที่จะแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ไม่มีใครสามารถสู้กับชาวเยอรมันได้แน่นอน … แต่คำอวดอ้างนั้น กลับถูกหักล้างลงอย่างยับเยิน เมื่อนักกรีฑาผิวดำ ตัวแทนจากสหรัฐอเมริกา ที่ชื่อ เจสซี่ โอเว่นส์ สามารถชนะเลิศคว้าเหรียญทองไปได้ถึง 4 รายการ เอาชนะชาวอารยันที่ฮิตเลอร์อ้างว่าไม่มีใครสู้ได้ และที่สำคัญ สร้างความอับอายให้กับผู้นำนาซีเป็นอย่างมาก ท่ามกลางความสะใจของนานาชาติ เจสซี่ โอเว่นส์ เป็นเด็กหนุ่มผิวดำฐานะยากจนจากรัฐโอไฮโอ ที่เติบโตมาอย่างพลเมืองชั้นสองในประเทศตัวเอง แต่ด้วยความสามารถ บวกกับความมุมานะอย่างแรงกล้า โอเว่นส์ได้ผลักดันตัวเองมาถึงสนามแข่งที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างสนามโอลิมปิก … เรื่องราวของเขาไม่เคยได้รับการบอกเล่าอย่างกว้างขวางเท่าที่ควรจะเป็น ทั้งที่เขาคือวีรบุรุษที่คว้าชัยชนะโดยเริ่มต้นมาจากศูนย์ Race ผลงานกำกับของ สตีเฟ่น ฮอพกินส์ นำชีวิตของเจสซี่ โอเว่นส์มาถ่ายทอด โดยเก็บทุกรายละเอียดที่ยิ่งใหญ่ ทุกแง่มุมที่ชวนขื่นชม และทุกช่วงจังหวะที่น่าประทับใจในชีวิตของวีรบุรุษคนนี้ มาไว้บนจอภาพยนตร์ รวมถึงการจำลองสนามแข่งกีฬาโอลิมปิก ณ กรุงเบอร์ลินในปี 1936 ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เป็นการรังสรรค์